นับถือศาสนาพุทธเหมือนคนส่วนใหญ่ของประเทศไทย
ศึกษาศาสนาพุทธตามหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับ และอ่านเอาบ้าง จากนอกตำรา
แต่ไม่เคยรู้ว่า คนพุทธนั่งสมาธิไปเพื่ออะไร
รู้แต่ว่าให้กำหนดลมหายใจเข้าออก มีสติอยู่กะตัวตลอดเวลา รับรู้ลมหายใจผ่านเข้าออก
แต่...รับรู้ไปเพื่ออะไรล่ะ ไม่เคยรู้คำตอบ
จนกระทั่งได้มาอ่านหนังสือเกี่ยวกับนิกายเซน สิ่งที่เฝ้าสงสัย ได้คลายความสงสัย ว่าเรานั่งสมาธิไปเพื่ออะไร
เซน เป็นนิกายหนึ่งของพระุพุทธศาสนา เซน เน้นที่การฝึกปฏิบัติ เรานั่งสมาธิไปเพื่อให้รู้ว่า เราไร้ตัวตน
เราไม่เคยมีตัวตน ไม่เคยมีอดีต อนาคต และแม้กระทั่งปัจจุบัน
ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วต้องบอกว่า 60% คือสิ่งที่ทำอยู่ และทำมานานแล้ว
แต่มันเหมือนเรากวาดขยะมากองไว้หน้าบ้าน แต่เราไม่รู้วิธีเอาขยะไปทิ้ง
พออ่านปุ๊บ เหมือนมันจุดประกาย ว่าเราต้องเอาขยะไปทิ้งยังไง
เซนเป็นส่วนเติมเต็มของศาสนาพุทธจริงๆ
หลักใหญ่ๆของเซนเน้นเรื่องการไร้ตัวตน ไม่มีเรา ไม่มีเธอ ไม่มีฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแต่มายา
เราไร้ตัวตน
ถ้าจะอธิบายเซนให้ Geek ฟัง ต้องบอกว่า
เราเปรียบเสมือน core ของระบบปฺฏิบัติการ แต่คนส่วนใหญ่ หลงใหลแต่ UI (user interface-ส่วนติดต่อผู้ใช้)
แล้วเราก็หลงลืมไป ว่าจริงๆแล้ว core นั่นต่างหากที่สำคัญกว่า หน้ากากอันสวยงามที่ครอบไว้อยู่
ถ้านึกกันไม่ออกว่า core กะ UI นี่มันเป็นยังไง ขอให้นึกถึง แอนดรอยด์ (Android)
แอนดรอยด์เป็นระบบปฏิบัติของสมาร์ทโฟน จากค่ายกูเกิ้ล ที่ออกมาให้ใช้กันฟรีๆ
(คุณเข้าใจไม่ผิดค่ะ แต่คุณไม่ได้จ่ายค่าไลเซนท์นะคะ ค่ายโทรศํพท์ต่างหากที่จ่ายให้คุณ แต่เค้าก็เก็บเอาจากคุณอยู่ดี ในค่าตัวโทรศัพท์ที่คุณซื้อ)
ซึ่งตัวระบบปฏิบัติการเพียวๆนี่กูเิ้กิ้ลออกมาให้ใช้ แต่ค่ายมือถือแต่ละค่ายที่เอาแอนดรอยด์ไปใช้ ไปทำหน้ากาก หรือที่เรียกว่า UI ครอบไว้อีกที เพื่อให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้น
เราจะได้ยินคำว่า HTC sense จากค่าย HTC หรือ ของซัมซุง เรียกอะไรสักอย่าง ลืม
ของ Sony ก็ทำเองหน้าตาอีกแบบนึง
สิ่งที่พวกแฟนบอยหลงใหลคือ บอกกันว่า UI ของค่ายไหนสวยสุด ใช้งานง่ายสุด
แต่ลืมนึกกันไปว่า ตัวระบบปฏิบัติการต่างหากที่รันให้มันสมูธ
เราเห็นแต่หน้ากาก หรือ UI ของมัน จนเราลืมนึกถึง ไอ้ Core ปฏิบัติการที่รันอยู่ด้านหลัง ถ้ามันรันไม่ได้ มันก็ใช้งานอะไรไม่ได้ ต้อง Hard reset กันท่าเดียว :P
มนุษย์เรา ตอนเกิดมา เรามีแค่ตัวตน (core ของระบบปฏิบัติการนั่นเอง) ส่วนเสริมต่างๆ (add-on) เราใส่กันมาทีหลัง จนนานวัน เราก็ลืมตัวตนของเราไป
เซน สอนให้เรานึกถึงสิ่งที่สำคัญ คือตัวตนของเราต่างหาก
การใส่คอมเม้นต์ ก็เป็นการแยกตัวเรา ออกจากตัวตนของเรา สิ่งที่เราทำได้ คืออย่าไปตัดสินใคร อย่าไปใส่คอมเม้นต์ใคร
ทำตัวให้เป็นกลาง ปล่อยทุกอย่างให้ไหลผ่านร่างกายของเราไป
อย่างเวลาเราโกรธ เค้าบอกว่า ให้แยกตัวเราอีกคนนึงออกมา แล้วจงมองตัวเราที่ำกำลังโกรธอยู่นั่น (เหมือนคนบ้าไหม) คือเฝ้ามองทุกวินาที ที่เรากำลังโกรธ แล้วเราจะเข้าใจเอง
ทำบ่อยๆ ทำให้ชิน แล้วเราจะเริ่มผสานตัวตนที่เราลืมมันไปให้กลับเข้ามา :)
ชอบอีกตัวอย่างนึงที่ผู้เขียนเล่า
เรื่องเพื่อนมาปรึกษาว่าทะเลาะกะสามีเมื่อสามวันก่อน
พอเล่าจบ ผู้เขียนก็ถามว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่
เพื่อนก็ตอบว่า ก็สามวันก่อนไง ชั้นบอกเธอไปแล้วไง
ผู้เขียนก็ถามอีกว่า แล้วเรื่องมันเกิดขึ้นวันไหนล่ะ
จนเพื่อนโมโห แล้วผู้เขียนก็ตอบว่า เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน มันจบไปแล้ว
แต่เธอยังคงโมโหอยู่ ทั้งๆที่เวลานั้นมันก็ผ่านไปแล้วไง
แค่นี้ก็ทำให้เพื่อนคิดได้ ว่ามีแต่เรา ที่บ้า ยังโมโหอยู่คนเดียว
ขอโทษที่ไม่มีศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับบทความนี้ เนื่องจากอ่านฉบับแปล ถ้ามีโอกาสจะหาต้นฉบับภาษาอังกฤษมาอ่านแน่นอน เพราะบางครั้ง อ่านวลียืดยาดในภาษาไทย ก็ทำให้ความหมายเปลี่ยนไปได้เหมือนกัน
No comments:
Post a Comment