Sunday, December 11, 2011

เกริ่นนำ

ที่ตั้งใจเขียนบลอกนี้ขึ้นมาเพราะเกิดจากความคับแค้นใจในหลักสูตรภาษาอังกฤษ
เรียนภาษาอังกฤษครั้งแรกในชีวิต ตอนอยู่ประถม 5 ครูสอนภาษาอังกฤษคนแรกโหดมาก ชื่อครูวิชัย
แกเคยตีมือจนเขียว กลับบ้านมาฟ้องแม่ด้วย แต่แม่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะกลัวโดนครูรังแกลูกที่โรงเรียน
ครูแกโหดแบบ แกเคยเขียนโจทย์บนกระดานผิด เด็กทุกคนในห้องก็ลอกมาเหมือนกันหมด แล้วมันผิดทุกคน
แกเรียกไปตีทุกคน เด็กก็เถียงว่าครูนั่นแหละ เขียนบนกระดานแบบนี้ มันเลยผิดหมดทั้งห้อง แต่ก็โดนอยู่ดี
ที่เล่าเรื่องครูภาษาอังกฤษจอมโหดให้ฟัง เพื่อจะบอกว่า แม้จะมีครูสอนภาษาอังกฤษคนแรกในชีวิตแล้วก็โหดขนาดนี้ ก็ยังชอบภาษาอังกฤษอยู่ดี :) ความโหดของครูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย

เรียนได้เกรดไม่ 3 ก็ 4 มาตลอด มีพลาดไปบ้างตอนม.2 ช่วงเกเร ฮ่าๆ อันนั้นได้เกรด 2 อัปยศแก่ชีวิตมาก
พอมาม.ปลาย เรียนภาษาอังกฤษเทอมละ 2 ตัว ก็ได้ 4 หมดทุกเทอม ทุกตัว :)

เข้ามหาวิทยาลัย ตอนแรกก็กลัวๆ เราไปเจอเด็กกรุงเทพที่เค้าน่าจะเรียนภาษาอังกฤษมาเยอะกว่าเรา เราน่าจะสู้เค้าไม่ได้ แต่ผิดถนัด เด็กกทมได้เกรดน้อยกว่าอีก

แต่.. จุดพลิกผันมันอยู่ตรงนี้ ตรงที่ว่า แม้ว่าเกรดภาษาอังกฤษจะเริ่ดซะปานใด แต่... ฟังไม่ออก พูดไม่ได้ สนทนาไม่ได้
เคยไปดูหนังกะเพื่อน เดินออกมาจากโรง เพื่อนบอก พระเอกพูดสำเนียงออสซี่ ได้ยินแล้ว โอ้ว มาย ก้อด ทำไมมันเก่งขนาดนี้ ขนาดรู้ว่าสำเนียงอะไร

ความรู้สึกคือ เกรดที่ภูมิใจ แต่มันเอาไปใช้อะไรไม่ได้เลย

คิดมาตลอดชีวิต ว่าเราจะต้องฟังออก พูดได้ ให้จงได้

จุดพลิกผันที่สอง ก็คือมีคนแนะนำให้ดูซีรี่ย์เมกัน จากที่เคยดูแต่แถบๆเอเชียมาตลอด
อ๊ะเมกันก็เมกัน ดูแล้วติดหนึบ จนตอนนี้ ดูของชาติไหนก็ไม่สนุกเท่าของเมกันอีกแล้ว

ตอนดูแรกๆก็ซื้อแผ่น(ผี) มาดู หลังๆ เริ่มไม่ทันใจ อยากรู้ตอนต่อไป ทำไง

จำได้ว่าตอนนั้นติด Grey's anatomy มาก ดูถึงซีซันสองจบ ต้องรอแผ่นซีซันสามอีกหลายเดือน (ที่มันจะมาพร้อมกับซับไทย)
ทำไงล่ะไม่อยากจะรอ ก็นั่งอ่านสปอยล์ในเว็บ ABC ที่มันจะลงสปอยล์ตอนที่ฉายๆไปแล้วอย่างละเอียดทุกตอน
อ่านแล้วก็ อ๊ากส์ อยากดูอ๊ะ จุดเริ่มต้นคือเริ่มโหลด เริ่มดูเป็นซับอังกฤษ (จากที่เคยดูแต่ซับไทย)
จำได้ว่า ซีรี่ย์หมอกะซับอังกฤษ ยากมากกกกกกกกกกกกกกกก

จากวันนั้นก็เลิกซื้อแผ่นซีรี่ย์อีกเลย โหลดมาดู พร้อมกับซับอังกฤษมาตลอด

วิธีการดูก็คือ มีโปรแกรมดิกชั่นนารีในเครื่อง โปรแกรม Lexitron ช่วยได้มาก
เพราะมันจะมีฟังก์ชั่นคือ เราจำแค่ตัวอักษรขึ้นต้น แค่ 2-3 ตัว ก็พอจะเดาๆได้ ว่าศัพท์ที่เราต้องการหาคือศัพท์คำว่าอะไร

แต่เป็นประเภทไม่ดูไปเปิดดิกไปนะ มันน่ารำคาญ

จะดูมันจบทั้งตอน แล้วค่อยมาไล่เปิดดิก ที่แค่อาศัยจำตัวอักษรแค่สองสามตัวนั่นแหละ

ทำแบบนี้มาตลอด ศัพท์บางคำก็แทบไม่ต้องเปิด เพราะเจอบ่อยจนเดาได้ว่ามันแปลว่าอะไร

พอดูไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคิดว่า เราน่าจะอ่านหนังสือที่มันเป็นภาษาอังกฤษได้นะ

ทำไมพวกบทสัมภาษณ์ดาราซีรี่ย์ที่ชอบๆ ยังอ่านได้เป็นหน้าๆเลยอ่ะ ก็เลยลองอ่านดู

เล่มแรกๆ โหลดแบบฟรีๆ แนววิชาการ ไปไม่รอด ฮ่าๆ

พอเริ่มใหม่ อ่านเป็นพวกนิยาย โอย ติดหนึบ

หลังจากที่อ่านแต่เวอร์ชั่นแปลมาตลอด พอได้มาอ่านเป็นภาษาอังกฤษต้นฉบับ ต้องบอกว่า อ่านเป็นภาษาอังกฤษมันสนุกขึ้นเป็นกองเลย

เพราะเราจะไม่เจอคำที่นักเขียนเค้าแปล มาปิดกั้นจินตนาการของเรา

คือเวลาเค้าเลือกใช้คำแปลใส่ลงมา บางที เราอ่านภาษาอังกฤษ รู้สึกว่า นางเอกมันไม่ได้เวอร์ขนาดคำไทยที่นักเขียนเค้าใส่ลงมาอ่ะ
เรารู้สึกว่านางเอกมันแค่ต๊อง มันไม่ได้เครซี่

หลังจากนั้นก็ไม่คิดจะอ่านเป็นฉบับแปลอีกเลย

คิดมาตั้งนาน ทำไมบางเล่มมันไม่เห็นหนุก เพราะเราไปอ่านที่เค้าแปลนี่เอง

No comments:

Post a Comment